top of page

ปรับเครื่องช่วยฟังยังไงให้ปัง (แบบไม่ต้องทนฟังเสียงประหลาด)


Hearing aid wearer

ใครที่ใช้เครื่องช่วยฟังแล้วรู้สึกว่าเสียงมัน "ไม่เข้าท่า" บ้าง? บางทีเสียงคนพูดก็เบาจนต้องตั้งใจฟังสุดชีวิต หรือเสียงแอร์ที่ดังอยู่ดีๆ กลับปังหูจนอยากถอดเครื่องทิ้ง! ปัญหาแบบนี้เกิดจากอะไร? มาแกะรอยกันแบบเน้นๆ ว่า "ทำไมเครื่องช่วยฟังที่ตั้งค่ามาจากผลตรวจการได้ยินแล้ว ยังทำให้เราได้ยินเสียงแปลกๆ อยู่ดี?"


1. เครื่องช่วยฟังทำงานเหมือน "DJ ปรับเสียง" ในหูเรา

เครื่องช่วยฟังไม่ใช่แค่ลำโพงจิ๋วที่เปิดเสียงดังๆ ไปทุกอย่าง มันต้องทำหน้าที่เหมือน DJ มืออาชีพ ที่คอยปรับเสียงเบา-เสียงดัง ให้ลงตัวกับหูเรา!


เสียงเบาๆ เช่น เสียงกระซิบ (55 เดซิเบล):

เครื่องจะ เติมพลัง ให้เสียงดังขึ้น 30 เดซิเบล → กลายเป็น 85 เดซิเบล (ระดับเสียงพูดปกติ)


เสียงดังอยู่แล้ว เช่น เสียงแตรรถ (80 เดซิเบล):

เครื่องจะ ลดการขยายลงครึ่งหนึ่ง → เติมแค่ 15 เดซิเบล → กลายเป็น 95 เดซิเบล


ระบบนี้เรียกว่า "Compression" หรือ การบีบอัดสัญญาณ — คล้ายๆ กับเวลาเราดู Netflix แล้วมันปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติเวลาดูในห้องมืด!


2. ปัญหามันอยู่ที่ "DJ ใจดี" ตัวนี้... มันไม่รู้ว่าเราชอบเสียงแบบไหน!

แม้เครื่องช่วยฟังจะตั้งค่าเบื้องต้นจาก ผลตรวจการได้ยิน (Audiogram) แต่ปัญหาคือ:


hearing test

Audiogram บอกแค่ "ระดับเสียงที่เราเริ่มได้ยิน" → เหมือนบอกได้ว่า "จุดเริ่มต้น" แต่ไม่รู้ว่า "เส้นชัย" อยู่ไหน


การรับรู้เสียงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน!

→ บางคนชอบเสียงแหลมชัดเจน

→ บางคนทนเสียงสูงไม่ได้

→ บางคนอยากได้ยินเสียงคนพูดท่ามกลางเสียงรบกวน


ตัวอย่างปัญหาในชีวิตจริง:


นั่งกินข้าวในร้านอาหาร: เสียงคนพูดปนกับเสียงเครื่องปรับอากาศ → เครื่องช่วยฟังอาจขยายเสียงพัดลมจนกลบเสียงคนคุย!


ฟังเพลงโปรด: เสียงเบสหนักเกินไปจนรู้สึกหูอื้อ → เพราะเครื่องช่วยฟังไม่รู้ว่าเราไม่ชอบเสียงทุ้ม


3. เครื่องช่วยฟัง VS หัวมนุษย์: สงครามระหว่าง "ฟิสิกส์" กับ "จิตใจ"

ฝั่งเครื่องช่วยฟัง (ฟิสิกส์):

มองเสียงเป็น "ตัวเลข" ล้วนๆ — เดซิเบล อัตราขยาย ค่าความถี่


ฝั่งมนุษย์ (จิตใจ):

มองเสียงเป็น "ความรู้สึก" — เสียงนี้เพราะ/น่ารำคาญ/ฟังไม่ชัด


เปรียบเทียบให้เห็นภาพ:

ถ้าเราให้เครื่องช่วยฟังปรับเสียงตาม Audiogram เป๊ะๆ มันเหมือน เชฟทำอาหารตามสูตรตำรา แต่ลืมถามว่าเราชอบรสเค็มหรือเผ็ด!


4. ปรับเครื่องช่วยฟังยังไงให้เสียงเข้าหู... เข้าถึงใจ?

ขั้นตอนที่ 1: ตั้งค่าพื้นฐานจาก Audiogram → เป็นเหมือน "จุดตั้งต้น"


ขั้นตอนที่ 2: ปรับแต่งด้วยประสบการณ์จริง


ทดลองฟังในสภาพแวดล้อมต่างกัน เช่น ในห้องเงียบ / ในที่คนเยอะ / กลางแจ้ง


แจ้งนักแก้ไขการได้ยิน ทุกครั้งที่รู้สึกว่า "เสียงไม่โอเค" → บอกเป็นตัวอย่าง เช่น

"เวลามีคนพูดพร้อมกัน 3 คน ฉันแยกเสียงไม่ออกเลย"

"เสียงเปิดประตูดังจนสะดุ้งทุกครั้ง"


ขั้นตอนที่ 3: ใช้เทคโนโลยีเสริม


App ปรับเสียงเองได้ → บางรุ่นให้ปรับโทนเสียง/ลดเสียงรบกวนผ่านสมาร์ทโฟน


โหมดฟังเฉพาะสถานการณ์ เช่น โหมดฟังเพลง / โหมดฟังในที่เงียบ


5. คิดนอกกรอบ: เครื่องช่วยฟังคือ "เพื่อนคู่หู" ไม่ใช่ "เครื่องมือแพทย์"

ฝึกฟัง: ยิ่งใช้บ่อย ยิ่งปรับตัวได้เร็ว → เหมือนเวลาเราได้หูฟังใหม่ ต้องใช้เวลาชินเสียง


อย่ากลัวลองผิดลองถูก: บางคนเปลี่ยนเครื่องช่วยฟัง 3-4 รุ่นกว่าจะเจอที่เหมาะ


เล่าให้ผู้เชี่ยวชาญฟังให้ละเอียด:

"ฉันชอบฟังพอดแคสต์ แต่เสียงผู้ชายฟังชัดกว่าเสียงผู้หญิง"

"เวลาอยู่บนรถไฟฟ้า เสียงล้อรถรบกวนมากเกินไป"


สรุปว่า:

เครื่องช่วยฟังคือ "ศิลปินเสียงส่วนตัว" ที่ต้องคอยปรับบทเพลงชีวิตให้ลงตัวกับหูเรา — มันอาจไม่เพอร์เฟกต์ตั้งแต่ครั้งแรก แต่ถ้าเรารู้จัก "สื่อสาร" กับมันบ่อยๆ ทั้งกับตัวเองและผู้เชี่ยวชาญ... เสียงที่เคยฟังเพี้ยนๆ จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็น "ซาวด์แทร็กชีวิต" ที่เราฟังแล้วยิ้มได้!


สุดท้าย: อย่าลืมว่าไม่มีใครได้ยินเสียง "สมบูรณ์แบบ" แม้แต่คนหูปกติ! เป้าหมายคือการได้ยินเสียงที่ "ดีพอ" ให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข — ส่วนเสียงที่หลงหูหลงตาไปบ้าง... ก็คิดซะว่าเป็นรสชาติของชีวิตละกันนะครับ!

Comments


ติดต่อเรา

ขอบคุณครับผม

เครื่องช่วยฟังยิ้ม เพื่อการฟังอย่างมีความสุข

bottom of page