รีวิว Signia Pure AX: เครื่องช่วยฟังที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การได้ยินของคุณ
- วิชนาถ โกมลกนก
- 19 ก.พ.
- ยาว 1 นาที
จากมุมมองของวิศวกรด้านอะคูสติกที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินมาหลายปี ผมมีโอกาสได้เห็นถึงสิ่งที่สูญเสียไปพร้อมกับการสูญเสียการได้ยินที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกันเท่าไรนัก เรามักจะให้ความสำคัญกับการฟังคำพูดได้เข้าใจเวลาที่เราพูดถึงเรื่องการได้ยิน แต่การรับรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวอยู่ตลอดเวลาโดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายามในการฟังก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ไม่เชื่อลองดูก็ได้ว่า ระหว่างการใช้สายตาคอยมองเพื่อให้รู้ว่ารอบตัวเรามีอะไรเกิดขึ้นอยู่ กับ การนั่งหลับตาแล้วใช้การฟังเพื่อทำในสิ่งเดียวกัน แบบไหนที่เรารู้สึกปลอดภัยมากกว่ากัน

Signia Pure AX เป็นเครื่องช่วยฟังที่ผมมองว่าเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีการได้ยิน เพราะไม่เพียงช่วยขยายเสียง แต่ยังปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง
รู้จักกับเครื่องช่วยฟัง Signia Pure AX Signia Pure AX เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2564 โดยใช้แพลตฟอร์ม Augmented Xperience (AX) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของ Signia ในขณะนั้น ซึ่งไม่ใช่แค่การปรับปรุงเล็กน้อยแต่เป็นการปฏิวัติการทำงานของเครื่องช่วยฟังหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ในเมื่อวันนี้ราคาของเทคโยโลยีแพลตฟอร์ม AX อยู่ในระดับที่าสมเหตุสมผล ผมจึงมาเล่าให้ฟังว่ามีอะไรบ้างที่น่าสนใจบ้างสำหรับเครื่องช่วยฟังรุ่นนี้
คุณสมบัติเด่นที่ทำให้การฟังเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

Augmented Focus™: แยกเสียงพูดจากเสียงรบกวนได้แม่นยำ ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนสูง เช่น ร้านอาหารหรือสถานที่จัดงาน ผู้ใช้เครื่องช่วยฟังมักประสบปัญหาการแยกเสียงพูดออกจากเสียงรบกวน Augmented Focus™ คือเทคโนโลยีที่แก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้การประมวลผลเสียงแบบคู่ขนาน (parallel processing) จาก dual-chipset เพื่อแยกเสียงพูดและเสียงรบกวนออกจากกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับการสนทนาได้แม้ในที่ที่มีเสียงดัง
Own Voice Processing 2.0 (OVP™ 2.0): เสียงตัวเองที่ธรรมชาติมากขึ้น ปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้เครื่องช่วยฟังมักพบคือเสียงตัวเองที่ได้ยินผ่านเครื่องช่วยฟังรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ OVP™ 2.0 คือเทคโนโลยีที่ช่วยลดปัญหานี้ โดยปรับเสียงตัวเองให้เป็นธรรมชาติและสบายหูมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกมั่นใจและสบายใจเมื่อพูดคุย
Dynamic Soundscape Processing: ปรับตัวตามสภาพแวดล้อม
การที่เราจะสามารถฟังได้ดีอยู่ตลอดเวลานั้น การทำงานของระบบต่าง ๆ ของเครื่องช่วยฟังต้องถูกปรับการทำงานให้เข้ากับสภาพแวดล้อมการฟังที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเครื่องช่วยฟังในแพลตฟอร์มเก่าก็สามารถทำได้มาตั้งนานแล้ว เรียกว่า โปรแกรม 1 , 2 ที่เราต้องกดเปลี่ยนด้วยตัวเอง (ปัญหาคือไม่มีใครเปลี่ยนโปรแกรมได้ทันในการใช้จริง)

Dynamic Soundscape Processing คือระบบที่ทำงานแบบเรียลไทม์ (scene analysis) เพื่อปรับการตั้งค่าเครื่องช่วยฟังให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม เช่น จากห้องที่เงียบสงบไปสู่สถานที่ที่มีเสียงรบกวนสูง โดยที่เราไม่ต้องปรับตั้งค่าเอง

สตรีมมิ่งเสียงผ่าน Bluetooth: เชื่อมต่อกับทุกอุปกรณ์ Pure AX รองรับการสตรีมมิ่งเสียงผ่าน Bluetooth ทั้งบน Android และ iOS ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อฟังเพลง, โทรศัพท์, หรือดูวิดีโอได้อย่างสะดวกสบาย นี่เป็นฟีเจอร์ที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานเครื่องช่วยฟังในชีวิตประจำวัน แบตเตอรี่แบบชาร์จได้: ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน Pure AX มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จได้ ที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมด นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกเครื่องชาร์จที่หลากหลาย เช่น เครื่องชาร์จแบบพกพา และเครื่องชาร์จแบบ Dry&Clean ที่มีฟังก์ชันทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเครื่องช่วยฟัง

ฟังก์ชันที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้
เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว Pure AX มีเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ และปรับทิศทางการรับเสียงให้เหมาะสมกับการเคลื่อนไหว เช่น เมื่อผู้ใช้หันศีรษะไปทางใด ระบบจะปรับทิศทางของไมโครโฟนให้รับเสียงจากทิศทางนั้นได้อย่างอัตโนมัติ
Signia Assistant: ปรับแต่งได้ด้วยตัวเองแอปพลิเคชัน Signia Assistant ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการตั้งค่าเครื่องช่วยฟังได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับระดับเสียงหรือเปลี่ยนโปรแกรมการฟังตามสภาพแวดล้อม
การใช้งาน AI ทำได้โดยพิมพ์ข้อความบอกว่าปัญหาคืออะไร เหมือนแชทคุยกับคนรู้จัก (รองรับภาษาไทย)


Tinnitus Therapy: บรรเทาอาการเสียงในหู สำหรับคนที่มีเสียงในหู (Tinnitus) Pure AX มีฟังก์ชัน Tinnitus Therapy ที่ช่วยสร้างเสียงบำบัดที่ช่วยกลบเสียงรบกวนในหู
EarWear 3.0: การออกแบบที่กระชับและทนทาน การออกแบบตัวรับสัญญาณและสายของ Pure AX ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีความกระชับและทนทานมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายเมื่อสวมใส่เป็นเวลานาน รวมทั้งปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมได้ด้วยตนเอง
ข้อดีที่ผู้ใช้จะได้รับ
คุณภาพเสียงที่เหนือกว่า: เสียงที่ได้ยินมีความคมชัด เป็นธรรมชาติ และสมจริง
ความสะดวกสบาย: แบตเตอรี่แบบชาร์จได้และเครื่องชาร์จที่หลากหลาย ทำให้ใช้งานได้ยาวนานและสะดวก
ปรับแต่งได้ง่าย: แอปพลิเคชัน Signia Assistant ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งการตั้งค่าได้ตามความต้องการโดยมีผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ทำหน้านที่แทนผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชม.
ทนทานและเชื่อถือได้: ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องกังวล
ข้อควรพิจารณา
ราคาสูง: Pure AX เป็นเครื่องช่วยฟังระดับพรีเมียมที่ใช้แพลตฟอร์มปัจจุบัน จึงมีราคาสูงกว่าเครื่องช่วยฟังทั่วไป (ราคา 35000 - 36000 บาท)
ต้องใช้เครื่องช่วยฟังสองข้าง: เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของ OVP™ 2.0 ผู้ใช้จำเป็นต้องสวมเครื่องช่วยฟังทั้งสองข้างเพื่อให้ระบบประมวลสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันแบบเดียวกับสมองของเรา เพื่อให้การทำงานของระบบต่าง ๆ สมบูรณ์
สรุปแล้ว ผมมองว่า Signia Pure AX เป็นเครื่องช่วยฟังที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพเสียงที่คมชัด เทคโนโลยีที่ช่วยแยกเสียงพูดจากเสียงรบกวน หรือฟังก์ชันเสริมที่ช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกสบายและมั่นใจมากขึ้น และมีราคามีสมเหตุสมผลครับ
Comentários