top of page

รีวิว Signia Pure AX: เครื่องช่วยฟังที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การได้ยินของคุณ

จากมุมมองของวิศวกรด้านอะคูสติกที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินมาหลายปี ผมมีโอกาสได้เห็นถึงสิ่งที่สูญเสียไปพร้อมกับการสูญเสียการได้ยินที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกันเท่าไรนัก เรามักจะให้ความสำคัญกับการฟังคำพูดได้เข้าใจเวลาที่เราพูดถึงเรื่องการได้ยิน แต่การรับรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวอยู่ตลอดเวลาโดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายามในการฟังก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ไม่เชื่อลองดูก็ได้ว่า ระหว่างการใช้สายตาคอยมองเพื่อให้รู้ว่ารอบตัวเรามีอะไรเกิดขึ้นอยู่ กับ การนั่งหลับตาแล้วใช้การฟังเพื่อทำในสิ่งเดียวกัน แบบไหนที่เรารู้สึกปลอดภัยมากกว่ากัน

เครื่องช่วยฟัง

Signia Pure AX เป็นเครื่องช่วยฟังที่ผมมองว่าเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีการได้ยิน เพราะไม่เพียงช่วยขยายเสียง แต่ยังปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง

รู้จักกับเครื่องช่วยฟัง Signia Pure AX Signia Pure AX เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2564 โดยใช้แพลตฟอร์ม Augmented Xperience (AX) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของ Signia ในขณะนั้น ซึ่งไม่ใช่แค่การปรับปรุงเล็กน้อยแต่เป็นการปฏิวัติการทำงานของเครื่องช่วยฟังหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ในเมื่อวันนี้ราคาของเทคโยโลยีแพลตฟอร์ม AX อยู่ในระดับที่าสมเหตุสมผล ผมจึงมาเล่าให้ฟังว่ามีอะไรบ้างที่น่าสนใจบ้างสำหรับเครื่องช่วยฟังรุ่นนี้


คุณสมบัติเด่นที่ทำให้การฟังเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

Augmented Focus™: แยกเสียงพูดจากเสียงรบกวนได้แม่นยำ ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนสูง เช่น ร้านอาหารหรือสถานที่จัดงาน ผู้ใช้เครื่องช่วยฟังมักประสบปัญหาการแยกเสียงพูดออกจากเสียงรบกวน Augmented Focus™ คือเทคโนโลยีที่แก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้การประมวลผลเสียงแบบคู่ขนาน (parallel processing) จาก dual-chipset เพื่อแยกเสียงพูดและเสียงรบกวนออกจากกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับการสนทนาได้แม้ในที่ที่มีเสียงดัง



Own Voice Processing 2.0 (OVP™ 2.0): เสียงตัวเองที่ธรรมชาติมากขึ้น ปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้เครื่องช่วยฟังมักพบคือเสียงตัวเองที่ได้ยินผ่านเครื่องช่วยฟังรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ OVP™ 2.0 คือเทคโนโลยีที่ช่วยลดปัญหานี้ โดยปรับเสียงตัวเองให้เป็นธรรมชาติและสบายหูมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกมั่นใจและสบายใจเมื่อพูดคุย

Dynamic Soundscape Processing: ปรับตัวตามสภาพแวดล้อม การที่เราจะสามารถฟังได้ดีอยู่ตลอดเวลานั้น การทำงานของระบบต่าง ๆ ของเครื่องช่วยฟังต้องถูกปรับการทำงานให้เข้ากับสภาพแวดล้อมการฟังที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเครื่องช่วยฟังในแพลตฟอร์มเก่าก็สามารถทำได้มาตั้งนานแล้ว เรียกว่า โปรแกรม 1 , 2 ที่เราต้องกดเปลี่ยนด้วยตัวเอง (ปัญหาคือไม่มีใครเปลี่ยนโปรแกรมได้ทันในการใช้จริง)

Multi-Stream-Architecture
Multi-Stream-Architecture

Dynamic Soundscape Processing คือระบบที่ทำงานแบบเรียลไทม์ (scene analysis) เพื่อปรับการตั้งค่าเครื่องช่วยฟังให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม เช่น จากห้องที่เงียบสงบไปสู่สถานที่ที่มีเสียงรบกวนสูง โดยที่เราไม่ต้องปรับตั้งค่าเอง


สตรีมมิ่งเสียงผ่าน Bluetooth: เชื่อมต่อกับทุกอุปกรณ์ Pure AX รองรับการสตรีมมิ่งเสียงผ่าน Bluetooth ทั้งบน Android และ iOS ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อฟังเพลง, โทรศัพท์, หรือดูวิดีโอได้อย่างสะดวกสบาย นี่เป็นฟีเจอร์ที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานเครื่องช่วยฟังในชีวิตประจำวัน แบตเตอรี่แบบชาร์จได้: ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน Pure AX มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จได้ ที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมด นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกเครื่องชาร์จที่หลากหลาย เช่น เครื่องชาร์จแบบพกพา และเครื่องชาร์จแบบ Dry&Clean ที่มีฟังก์ชันทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเครื่องช่วยฟัง

Signia Pure AX

ฟังก์ชันที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้

เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว Pure AX มีเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ และปรับทิศทางการรับเสียงให้เหมาะสมกับการเคลื่อนไหว เช่น เมื่อผู้ใช้หันศีรษะไปทางใด ระบบจะปรับทิศทางของไมโครโฟนให้รับเสียงจากทิศทางนั้นได้อย่างอัตโนมัติ


Signia Assistant: ปรับแต่งได้ด้วยตัวเองแอปพลิเคชัน Signia Assistant ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการตั้งค่าเครื่องช่วยฟังได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับระดับเสียงหรือเปลี่ยนโปรแกรมการฟังตามสภาพแวดล้อม

การใช้งาน AI ทำได้โดยพิมพ์ข้อความบอกว่าปัญหาคืออะไร เหมือนแชทคุยกับคนรู้จัก (รองรับภาษาไทย)


UI
Signia Assistant UI
Simplified diagram showing the main elements and functionality of Signia Assistant
Simplified diagram showing the main elements and functionality of Signia Assistant

Tinnitus Therapy: บรรเทาอาการเสียงในหู สำหรับคนที่มีเสียงในหู (Tinnitus) Pure AX มีฟังก์ชัน Tinnitus Therapy ที่ช่วยสร้างเสียงบำบัดที่ช่วยกลบเสียงรบกวนในหู

EarWear 3.0: การออกแบบที่กระชับและทนทาน การออกแบบตัวรับสัญญาณและสายของ Pure AX ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีความกระชับและทนทานมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายเมื่อสวมใส่เป็นเวลานาน รวมทั้งปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมได้ด้วยตนเอง


ข้อดีที่ผู้ใช้จะได้รับ

  • คุณภาพเสียงที่เหนือกว่า: เสียงที่ได้ยินมีความคมชัด เป็นธรรมชาติ และสมจริง

  • ความสะดวกสบาย: แบตเตอรี่แบบชาร์จได้และเครื่องชาร์จที่หลากหลาย ทำให้ใช้งานได้ยาวนานและสะดวก

  • ปรับแต่งได้ง่าย: แอปพลิเคชัน Signia Assistant ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งการตั้งค่าได้ตามความต้องการโดยมีผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ทำหน้านที่แทนผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชม.

  • ทนทานและเชื่อถือได้: ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องกังวล


ข้อควรพิจารณา

  • ราคาสูง: Pure AX เป็นเครื่องช่วยฟังระดับพรีเมียมที่ใช้แพลตฟอร์มปัจจุบัน จึงมีราคาสูงกว่าเครื่องช่วยฟังทั่วไป (ราคา 35000 - 36000 บาท)

  • ต้องใช้เครื่องช่วยฟังสองข้าง: เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของ OVP™ 2.0 ผู้ใช้จำเป็นต้องสวมเครื่องช่วยฟังทั้งสองข้างเพื่อให้ระบบประมวลสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันแบบเดียวกับสมองของเรา เพื่อให้การทำงานของระบบต่าง ๆ สมบูรณ์

สรุปแล้ว ผมมองว่า Signia Pure AX เป็นเครื่องช่วยฟังที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพเสียงที่คมชัด เทคโนโลยีที่ช่วยแยกเสียงพูดจากเสียงรบกวน หรือฟังก์ชันเสริมที่ช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกสบายและมั่นใจมากขึ้น และมีราคามีสมเหตุสมผลครับ








Comentários


ติดต่อเรา

ขอบคุณครับผม

เครื่องช่วยฟังยิ้ม เพื่อการฟังอย่างมีความสุข

bottom of page