Bimodal - ประสาทหูเทียม + เครื่องช่วยฟัง แล้วฉันจะฟังดีตอนกี่โมง
- วิชนาถ โกมลกนก
- 31 มี.ค.
- ยาว 2 นาที

การประเมินประสิทธิภาพของประสาทหูเทียม (Cochlear Implant: CI) ในผู้ใหญ่ที่ใช้การฟังสองรูปแบบ (Bimodal Approach) โดยที่หูหนึ่งใช้ประสาทหูเทียมและอีกหูหนึ่งใช้เครื่องช่วยฟัง (Hearing Aid: HA) จำเป็นต้องใช้ทั้งการวัดเชิงวัตถุวิสัยและอัตวิสัยร่วมกัน เพื่อประเมินว่าการตั้งค่าสองรูปแบบนี้ให้ผลลัพธ์ทางการได้ยิน เช่น ความเข้าใจในการพูด การระบุทิศทางเสียง และประสบการณ์การได้ยินโดยรวม ได้ดีกว่าการใช้อุปกรณ์เพียงอย่างเดียวอย่างไร
แนวทางสำหรับการประเมิน:
1. การทดสอบการรู้จำคำพูด
วัตถุประสงค์: วัดความสามารถในการเข้าใจคำพูด ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จหลักของ CI ในผู้ใช้ระบบสองรูปแบบ
วิธีการ:
การรู้จำคำพยางค์เดียว: ทดสอบด้วยคำพยางค์เดียวในสภาพเงียบและมีเสียงรบกวน โดยอาจจะใช้รายการคำศัพท์ภาษาไทยบางรายการที่นักโสตสัมผัสวิทยาใช้อยู่ (Phonetically balanced) มาเปรียบเทียบผลระหว่างการใช้ CI อย่างเดียว HA อย่างเดียว และระบบสองรูปแบบ (CI + HA)
การรู้จำประโยค: ใช้การทดสอบในลักษณะที่ปรับได้ (Adaptive tests) เช่น การทดสอบการได้ยินในเสียงรบกวน (Hearing in Noise Test: HINT) หรือประโยค AzBio ในสภาพเงียบและอัตราส่วนสัญญาณต่อสัญญาณรบกวน (SNR) ที่แตกต่างกัน หรือเสียงรบกวนที่มีที่มาจากทิศทางต่างกัน (เช่น ด้านหน้า ด้าน CI ด้าน HA) เพื่อประเมินประโยชน์ของการได้ยินสองหู
ตัวชี้วัดหลัก: มองหาประโยชน์หรือประสิทธิภาพในการฟังที่เพิ่ม—ประสิทธิภาพของการฟังเมื่อใช้ทั้งสองอุปกรณ์เทียบกับใช้อย่างเดียว
2. การประเมินการระบุทิศทางเสียง
วัตถุประสงค์: ประเมินความสามารถในการกำหนดทิศทางของเสียง ซึ่งมักดีขึ้นด้วยระบบสองรูปแบบเนื่องจากสัญญาณสองหู
วิธีการ:
ใช้ระบบกำหนดทิศทางเสียง (เช่น ลำโพงจัดเป็นแนวโค้ง) ในห้องกันเสียง ใช้ Stimulus หรือเสียงกระตุ้นที่หลากหลาย (เช่น เสียงรบกวนแบบกว้างหรือคำพูด) จากมุมต่างๆ
วัดความแม่นยำ (เช่น root-mean-square error in degrees) เมื่อใช้ CI อย่างเดียว HA อย่างเดียว และระบบสองรูปแบบ
ตัวชี้วัดหลัก: ค่าผิดพลาดในการระบุทิศทางลดลงเมื่อใช้ระบบสองรูปแบบแสดงถึงการระบุตำแหน่งเชิงพื้นที่ (spatial hearing) ที่ดีขึ้น
3. การประเมินความสมดุลของการรับรู้ความดัง (Loudness growth function)
วัตถุประสงค์: ให้มั่นใจว่า HA ถูกปรับให้เหมาะสมกับการได้ยินที่เหลืออยู่และมีการรับรู้ความดังที่สัมพันธ์กับด้านที่ใช้ CI เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากกลไกการได้ยินสองข้างของสมอง (Binuaural hearing) ได้มากที่สุด
วิธีการ:
ตรวจวัดระดับการได้ยินด้วยเสียงบริสุทธิ์ (Pure-Tone Audiometry) ในหูที่ใช้ HA เพื่อระบุการได้ยินที่เหลือ (มักเป็นความถี่ต่ำ)
ประเมินการได้ยินเมื่อใช้ HA เพื่อยืนยันว่าสอดคล้องกับช่วงความถี่ของ CI อาจใช้ Narrowed-band noise หรือ stimulus อื่นที่เหมาะกับการทำงานของระบบประมวลผลของอุปกรณ์ (หลีกเลี่ยงการใช้เสียง Pure-tone ในการประเมิน)
โมเดลการรับรู้ความดัง: ใช้สเกลการรับรู้ความดัง (loudness scale) ในการบันทึกฟังค์ชั่นของความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของเสียงกับการรับรู้ความดังระหว่างข้าง CI และ HA
ตัวชี้วัดหลัก: ความสมดุลของความดังและการได้ยินระหว่าง CI และ HA
4. แบบสอบถามอัตวิสัย
วัตถุประสงค์: สะท้อนประโยชน์ที่จับต้องได้ในเชิงการรับรู้และการปรับปรุงคุณภาพชีวิตสำหรับผู้ใช้
วิธีการ:
ใช้เครื่องมือมาตรฐาน เช่น:
แบบประเมินการได้ยินด้านคำพูด ทิศทาง และคุณภาพเสียง (SSQ): ประเมินความเข้าใจคำพูด การได้ยินเชิงพื้นที่ และคุณภาพเสียง
แบบประเมินประโยชน์ (APHAB): เปรียบเทียบข้อจำกัดของการฟังในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
แบบประเมินผลประโยชน์กลาสโกว์ (GBI): วัดประโยชน์โดยรวมหลังการใช้งานแบบสองรูปแบบ
ถามเกี่ยวกับความพยายามในการฟัง การรับรู้ดนตรี และความพึงพอใจในสถานการณ์ประจำวันโดยคำนึงถึงชีวิตประจำวันของผู้ใช้เป็นสำคัญ (เช่น การสนทนาในที่ทำงาน การพูดคุยกับคนอื่นแบ่งตามลำดับความสำคัญ เป็นต้น)
ตัวชี้วัดหลัก: คะแนนหรือข้อเสนอแนะที่ดีขึ้นเมื่อใช้ระบบสองรูปแบบเทียบกับใช้ข้างเดียว
5. การทดสอบการประมวลผลสองหู
วัตถุประสงค์: ประเมินว่าสมองประมวลผลข้อมูลจากทั้งสองหูได้ดีแค่ไหน
วิธีการ:
การรวมสัญญาณสองหู (Binaural Summation): เปรียบเทียบเกณฑ์การตรวจหาคำพูดเมื่อใช้ CI อย่างเดียว HA อย่างเดียว และระบบสองรูปแบบ การปรับปรุงเมื่อใช้ทั้งสองอุปกรณ์แสดงถึงการรวมสัญญาณ
Head Shadow Effect: ทดสอบความเข้าใจคำพูดเมื่อมีเสียงรบกวนด้าน CI หรือ HA ผู้ใช้ระบบสองรูปแบบมักทำได้ดีกว่าผู้ใช้ CI ในหูข้างเดียว
ผลลดทอนเสียงรบกวน (Squelch Effect): วัดความสามารถในการใช้ความแตกต่างของเวลา/ระดับเสียงระหว่างหูเพื่อแยกคำพูดจากเสียงรบกวน
ตัวชี้วัดหลัก: ประสิทธิภาพการฟังที่เพิ่มขึ้นจากการฟังสองหู (Binaural advantages) เช่น ประสิทธิภาพ SNR ที่ดีขึ้น หรือ การใช้ความพยายามในการฟังที่ลดลง
6. อ่านข้อมูลการใช้งานที่บันทึกจากอุปกรณ์
วัตถุประสงค์: ให้ข้อมูลการใช้งานเชิงวัตถุวิสัยเพื่อเชื่อมโยงกับประสิทธิภาพ
วิธีการ:
ตรวจสอบข้อมูลการใช้งานจาก CI และ HA เช่น ชั่วโมงใช้ การตั้งค่าโปรแกรม และการจำแนกสภาพแวดล้อม พฤติกรรมการปรับระดับเสียง หรือ การใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ ในแต่ละสภาพแวดล้อม (เช่น การปรับลดความดังลงเฉพาะข้าง HA เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง)
ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการใช้ทั้งสองอุปกรณ์สม่ำเสมอเพื่อประโยชน์ของระบบสองรูปแบบ
ตัวชี้วัดหลัก: ข้อมูลที่สามารถระบุความสัมพันธ์ของลักษณะการใช้งานกับผลการทดสอบอื่นข้างต้น
ข้อควรพิจารณาเชิงปฏิบัติ
การปรับตั้งอุปกรณ์: ให้ HA ถูกปรับเพื่อเพิ่มการได้ยินที่เหลือ (เช่น ใช้สูตร NAL-NL2) และปรับแผนที่ความดังของ CI ให้สมดุลความดังกับ HA หรือกลับกัน ควรให้น้ำหนักกับความเห็นของผู้ใช้มากกว่าแนวปฏิบัติที่ใช้กันมา
สภาพแวดล้อมการทดสอบ: ควรให้ความสำคัญกับการทดสอบในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงชีวิตจริง (เช่น เสียงรบกวนจากหลายทิศทาง) มากกว่าสภาพแวดล้อมการทดสอบที่เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาการ
ข้อมูลพื้นฐานและการติดตามผล: สร้างข้อมูลพื้นฐานและความก้าวหน้าโดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อสร้างความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการพัฒนาการฟังของตนเอง มากกว่าการเก็บข้อมูลเพื่อวัดผลประสิทธิภาพเพียงอย่างเดียว
ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลลัพธ์: คำนึงถึงอายุ ระยะเวลาที่ไม่ได้ใช้การฟัง และความสามารถในการทำกิจกรรมอื่น (cognitive function) รวมทั้งปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อผลลัพธ์
การตีความผล
ตัวชี้วัดความสำเร็จ: ประสิทธิภาพระบบสองรูปแบบที่เหนือกว่า CI หรือ HA อย่างเดียวในคะแนนการรู้จำคำพูด การระบุทิศทาง และรายงานอัตวิสัย
ความท้าทาย: การไม่ได้รับประโยชน์จากการฟังสองรูปแบบอาจบ่งชี้ถึงการปรับ HA/CI ไม่เหมาะสม ความดังไม่สมดุลระหว่าง CI/HA หรือการได้ยินที่เหลือจำกัด รวมทั้งความคาดหวังที่เหมาะสม
การประเมินการฟังแบบสองรูปแบบต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างผู้ใช้ คนในครอบครัว และผู้ให้บริการ เพื่อปรับการทดสอบให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะบุคคล เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยเวลาและความเข้าใจ โดยมีเป้าหมายคือ การฟังที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ของผู้ใช้ ไม่ใช่การฟังของผู้ใช้ดีหรือไม่ดี
Comments